แม่เศร้า ลูกม.4 กินยาลดความอ้วนไตวายดับสลด

แม่เศร้า ลูกม.4 กินยาลดความอ้วนไตวายดับสลด

เมื่อวันที่ 6 ที่ผ่านมา นางสุจินต์ (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี แม่ของน.ส.รุ่งทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะยาลดความอ้วน เปิดเผยถึงความรู้สึกจากบ้านพัก ย่านต.แจ้ห่ม อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของลูกสาวถึงกรณีที่เกิดขึ้น

นางสุจินต์เผยว่า ลูกสาวเสียชีวิตด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน และติดเชื้อในกระแสเลือด 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ลูกสาวก็แข็งแรงและร่าเริงเหมือนเด็กปกติทั่วไป แต่เมื่อ 3 เดือนก่อน ลูกได้สั่งอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งจากอินเตอร์เน็ตแบบชนิดผงชงดื่ม เมื่อชงแล้วจะมีลักษณะเป็นเจล ราคาอยู่ที่กล่องละ 500 บาท โดยรับประทานเพื่อลดความอ้วน

ช่วงแรกๆ ที่กิน ลูกสาวจะบ่นว่ามีอาการไม่หิวข้าวทั้งวัน หลังจากกินได้เดือนกว่าก็เริ่มมีอาการเท้าบวมทั้งสองข้าง ตนจึงพาลูกไปพบแพทย์ที่รพ.แจ้ห่ม พร้อมนำอาหารเสริมไปให้แพทย์ดู เมื่อแพทย์เห็นยังได้ต่อว่าว่าให้ลูกกินทำไม

จากผลการตรวจเลือด พบว่าลูกสาวมีอาการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด และไตวายเฉียบพลัน และยังพบโรคเอสแอลอีหรือโรคพุ่มพวงอีกด้วย ต่อมาจึงได้ส่งตัวลูกไปรักษาที่รพ.ลำปาง เมื่อรักษาตัวได้เพียงอาทิตย์เดียว ลูกสาวตนก็เสียชีวิต โดยตนเชื่อว่าสาเหตุการเสียชีวิตนี้มาจากอาหารเสริมดังกล่าว ซึ่งอาจมีสารต้องห้ามอยู่และเข้าไปกระตุ้นให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ เพราะก่อนจะเสียชีวิต ลูกตนมีอาการบวมน้ำ น้ำหนักตัวเพิ่มสูงขึ้นถึง 13 กก.

ตนอยากฝากเป็นอุทธาหรณ์ให้กับคนอื่นๆ การสูญเสียนี้ได้แต่ถือว่าลูกทำบุญมาแค่นี้ และตนอยากฝากบอกผู้ผลิตอาหารเสริมดังกล่าวว่าสิ่งที่คุณทำคุณรู้อยู่แก่ใจดีว่าใส่อะไรลงไป กินแล้วเกิดผลอะไรบ้าง ด้วยความไม่รู้และอยากสวย ลูกสาวของตนก็กินเข้าไปจนต้องเอาชีวิตเข้าแลก แต่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมจะสนองผู้ผลิตในที่สุด

วันนี้ (7 ก.ย.) นายสุธีรัชต์ ศิริพลานนท์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด เผยว่า ทางบริษัทมีนโยบายป้องปรามและปราบปรามพนักงานที่นำสินค้าผิดกฎหมายหรือสินค้าเกินจำนวนที่ศุลกากรกำหนด เข้าประเทศไทยเพื่อเลี่ยงภาษี

โดยทางบริษัทได้ติดตามดูพฤติกรรมของพนักงานที่น่าสงสัย และได้ดำเนินการประสานงานกับศุลกากรอย่างต่อเนื่อง และได้ช่วยแจ้งเบาะแสให้ศุลกากรตรวจจับ

และล่าสุด เจ้าหน้าที่ศุลกากรก็ได้ตรวจพบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหญิงรายหนึ่ง ซึ่งนำสินค้าแบรนด์เนมเกินจำนวนที่ศุลกากรกำหนดเข้าประเทศและเลี่ยงการเสียภาษี โดยพนักงานรายดังกล่าวเดินทางมาจากประเทศอิตาลี

เจ้าหน้าที่ศุลกากรได้ทำการปรับและดำเนินการตามกฎหมาย และในส่วนของบริษัทเองก็ได้มีบทลงโทษขั้นเด็ดขาดสูงสุดคือการไล่ออก นอกจากพนักงานรายดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทจะดำเนินนโยบายปราบปรามผู้ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ให้หมดไปจากบริษัท เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและทำให้เสียชื่อเสียงของบริษัท

รวบพ่อเล้าแชทส่งเด็กค้าประเวณี – น้าสาวเอี่ยวลวงหลานแท้ๆ มาขายตัว

วันนี้ (16 ก.ย.) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ได้ร่วมกันจับกุม นายสัญญา หรือจุก เกตุพัต อายุ 43 ปี ชาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และน.ส.วัฒนพร หรือใหม่ คงเจริญเขต อายุ 29 ปี ชาวอ.เมือง จ.สระบุรี ได้ที่หน้าห้องพักรีสอร์ตแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.สระบุรี

ตำรวจเผยว่า เมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่าน มีการสืบทราบว่ามีขบวนการค้ามนุษย์ในจ.สระบุรี โดยเป็นการบังคับเด็กและเยาวชนที่ส่วนใหญ่แล้วจะอายุต่ำกว่า 18 ปี มาขายบริการทางเพศ โดยการติดต่อซื้อขายทำผ่านทางโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ เป็นต้น และทางกลุ่มจะเปิดห้องในรีสอร์ตกลางเมืองเพื่อให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ยังพบว่า มีการเปิดกลุ่มไลน์ลับเพื่อเสนอขายบริการทางเพศ โดยนายจุก เป็นนายหน้าเสนอขายบริการ ทางเจ้าหน้าที่จึงวางแผนล่อซื้อเพื่อจุบกุมที่รีสอร์ตดังกล่าว

เมื่อถึงเวลานัดหมาย ผู้ต้องหาทั้งสองได้นำตัวเด็กสาวอายุ 16-17 ปี สองรายมาส่งให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่เข้าล่อซื้อ และเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที ก่อนที่ทั้งสองจะยอมรับสารภาพ โดยนายจุกสารภาพว่า ตนทำงานเป็นพนักงานของรีสอร์ตแห่งนี้ และใช้วิธีการดังกล่าวในการหารายได้พิเศษ โดยเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวและผู้ที่มาใช้บริการในรีสอร์ต ทำมานานแล้วกว่า 1 ปี มีเด็กสาวงในสังกัดประมาณ 15 คน มีการซื้อขายบริการอยู่ที่ราคา 1,700 – 2,000 บาทโดยตนจะหักค่านายหน้าครั้งละ 700 – 1,000 บาท ซึ่งรายได้พิเศษเหล่านี้ตนก็นำไปเที่ยวเตร่และซื้อยาเสพติด

ส่วนน.ส.ใหม่ ผู้ต้องหาอีกราย กล่าวว่า ตนเองเป็นน้าสาวแท้ๆ ของหนึ่งในเด็กสาวสองคนที่พาตัวมา ซึ่งก่อนหน้านี้ตนมีอาชีพหลักคือเปิดร้านอาหารตามสั่ง เมื่อได้รู้จักกับนายจุก จึงได้ออกอุบายลวงหลานสาวให้มาขายบริการ ซึ่งค่าตัวของหลานสาวนั้น ตนจะหักค่านายหน้าเพิ่มอีกทอดหนึ่ง